วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557

ธุรกิจเครือข่ายเน่าๆ MLM ห่วยแตก!!!

การทำธุรกิจ MLM หรือ ธุรกิจเครือข่าย หรือ ที่คนไทยใน facebook ส่วนใหญ่ รู้จักกันดี ในชื่อ งานเสริม แต่มันก็เสริมจริงๆนะ เพราะรายได้มันน้อยมาก และ คนส่วนใหญ่ แทบไม่ได้เงินเลย แล้วก็ทำให้เกิดกระแสขึ้นมาว่า งานหลอกลวง แต่จริงๆแล้ว เขาไม่ได้หลอกครับ เพียงแต่คุณต้องเข้าใจวิธีการ คุณถึงจะทำได้แบบตอนที่เขามาบอกมาชวนคุณเข้าไปทำในตอนแรก ไม่งั้น Amway ก็คงปิดตัวไปนานแล้วครับ ไม่อยู่คู่สังคมไทยมาได้ ถึงทุกวันนี้หรอก แต่คุณต้องเข้าใจนะครับ ว่างานประเภทนี้ มีมากว่า 50 ปีแล้ว ก่อนผมเกิดอีก วิธีการก็ทำแบบเดิมๆ วิธีการมันดีครับ มันสร้างคนรวยมาแล้ว หลายต่อหลายคน แต่มันยาก และ ไม่ได้ผล กับสังคมปัจจุบันอีกต่อไปแล้วครับ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่ อัพไลน์ หรือ คนที่สอนเรา ไม่ยอมเรียนรู้ และ เข้าใจ ส่วนตัวเรา ก็ไม่กล้าจะทำอะไรที่ต่างออกไป เพราะ อัพไลน์ มักจะบอกว่า มันไม่ได้ผลหรอก ทำตามเขาเท่านั้น ถึงจะได้ผล ซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆคน คงจะรู้แล้วนะ ว่ามันได้ผลจริงรึเปล่า ใช่ไหมครับ? คนที่ประสปความสำเร็จได้ คือ คนที่ค่อนข้างหัวไว และ พอมีเงินทุนนิดหน่อยกันทั้งนั้น แล้วลองคิดดูสิ คนส่วนใหญ่ จริงๆแล้ว เป็นแบบนั้นรึเปล่า? เนื่องจากผมเป็นครูสอนดนตรี ผมขอยกตัวอย่างเกี่ยวกับตัวเองก็แล้วกัน เด็กนักเรียน 10 คน มีแค่ 1 หรือ 2 คนเท่านั้น ที่จับคอร์ดกีตาร์ได้ ภายในหนึ่งชั่วโมง และ มีเพียง 1 - 2 คน เท่านั้น ที่กลับบ้านไปฝึกซ้อมทำการบ้านมา เพื่อมาปฎิบัติให้ผมดู ในสัปห์ดาต่อไป และ มีแค่ 1 ใน 100 คน เท่านั้น ที่ได้เป็นนักดนตรีอาชีพสมใจ และ มี 1 ใน 1000 คน เท่านั้น ที่ไปได้ดีกับอาชีพ และ มี 1 ใน 10,000 คน เท่านั้น ที่เริ่มมีชื่อเสียง และ มี 1 ใน 100,000 คน เท่านั้น ที่ได้กลายเป็นศิลปิน ออกอัลบั๊ม และ มี 1 ใน 1,000,000 คน เท่านั้น ที่เพลงของเขาฮิต ติดตลาด โด่งดังกลายเป็น Super Star และ มี 1 ใน 10,000,000 คน เท่านั้น ที่อยู่เป็น Super Star ได้ยืนยาว จนถึงวาระสุดท้าย ของชีวิต เห็นไหมครับ มันแทบไม่ได้ต่างกันเลย กับธุรกิจเครือข่าย สาเหตุหลักๆแล้ว มันมาจากเราทั้งนั้นครับ ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ตาม มันอยู่ที่เรา และ ปัจจัยต่างๆรอบตัวเรา ครับ มันขึ้นอยู่ที่ว่า เราจะชักนำตัวเองเข้าไปสู่หนทางแห่งความสำเร็จได้ขนาดไหน สามารถรวบรวมองค์ประกอบ รอบๆตัว ที่จะช่วยพลักดันเราไปสู่ความสำเร็จ ได้มากน้อย ขนาดไหนเท่านั้นเองครับ

การทำงานที่ผมมักจะเจออยู่บ่อยๆ ผมแบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้ครับ

1.ผู้ที่เข้าร่วมธุรกิจส่วนใหญ่ จะทำตัวเป็นพ่อค้าแม่ค้า หน้าที่ก็คือ ขาย แบกสินค้า แบกแคตตาล็อค ไปนำเสนอสินค้า กับ ลูกค้า โดยส่วนมาก อัพไลน์ หรือ ผู้แนะนำ จะบอกให้เราเริ่มขายจากคนไกล้ชิดก่อน เช่น ญาติ พี่น้อง เพื่อน และ สิ่งที่ผมได้พบเจอ คือ การทำงานในลักษณะนี้ ต้องใช้ความสามารถ ส่วนตัวสูง ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ อย่างที่ ผู้แนะนำ หรือ อัพไลน์ เราบอกเราไว้ในตอนแรก ว่าใครๆก็ทำได้ครับ

จึงมีบริษัทที่มองเห็นปัญหาตรงจุดๆนี้ เกิดขึ้นครับ ด้วยความหวังดี หรือ อะไรก็แล้วแต่ มันทำให้เกิด

2.การขายในรูปแบบองค์กรณ์ เกิดขึ้นมาครับ การขายแบบนี้ เขาจะเน้น การประชุมใหญ่ๆ เน้นแสงสีเสียง เอาให้กระหึ่ม เอาให้เร้าใจเข้าไว้ เพื่อให้ง่ายต่อการปิดการขาย และ ง่ายต่อการลอกเลียนแบบ เพราะ การขายแบบนี้ ดาวน์ไลน์ ไม่ต้องพูดกับผู้มุ่งหวังเอง แค่ชวนผู้มุ่งหวัง หรือ คนที่เราอยากได้เขามาเป็น ดาวไลน์ เข้าประชุมเท่านั้น แต่ในความคิดผม เพราะว่าเนื่องจาก ตัวดาวน์ไลน์ อยากได้ผู้มุ่งหวัง ในจำนวณมากๆในเวลา อันรวดเร็วนี้แหละ ทำให้เกิดคำว่า ธุรกิจหลอกลวงขึ้น เพราะ อัพไลน์ มักจะแนะนำเราว่า ไม่ให้พูดอะไร แค่บอกว่ารายได้ดีมาก และ พาเขาเข้าประชุมให้ได้ก็พอ แต่พอเข้าไป สุดท้าย ก็ต้องควักเงินลงทุน หรือ ซื้อของ ถ้าใครมองเห็น ช่องทาง เขาก็ร่วมงานกับเรา ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง คละกันไป แต่ส่วนใหญ่ ที่ผมเจอ มักจะทำไม่ได้ครับ ถ้าใครมองไม่เห็นช่องทาง ก็กลับบ้านไป แล้วไปบอกต่อกับคนอีก ร้อยคน พันคนว่า เนี๊ย โดนหลอก ไปเสียเงิน ทั้งๆที่จริงแล้ว ถ้าเขาไปบอกคนร้อยคน พันคนนีว่า เนี๊ย มีคนชวนเราไป เราไปฟังแล้ว มันดีมากเลย อยากให้ไปฟังด้วยกัน มันจะเป็นผลดี กับ ตัวเขาเอง และ สร้างรายได้ให้เขาแท้ๆ แต่เขากลับ เลือกที่จะพูดในสิ่งที่เขาไม่ได้อะไร อืม....นี้แหละครับ ปัญหา ของการขายในรูปแบบองค์กรณ์ เพราะ เราต้องยอมรับความจริงครับ ว่าโอกาส ไม่ใช่สิ่งที่ทุกๆคนจะมองเห็น ถ้าทุกๆคนมองเห็น สิ่งนั้น ไม่เรียกว่าโอกาสครับ แต่นอกจากจะมองไม่เห็นแล้ว ยังทำให้ผู้อื่นเสียหายด้วยนี้สิครับ ปัญหาใหญ่ แต่ก็จะไปโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ครับ เพราะ การขายแบบนี้ มักมีการ ประชุม อบรม สัมนา นอกสถาณที่ เพราะฉนั้น ในช่วงแรกๆ ที่เรายังไม่มีรายได้อยู่แล้ว เรายังต้องเสียค่าเดินทาง ค่ารถค่าน้ำมัน เป็นจำนวณมากๆด้วยครับ ส่วนใหญ่ พอเราไปจริงๆ การทำงานแต่ละครั้ง ก็แทบไม่มีอะไรต่างกัน ก็คือ โปรโมทบริษัท โปรโมทสินค้า โปรโมทแผน สุดท้าย ก็จบที่การขาย โดยส่วนตัวของผมแล้ว ผมมองว่า การทำงานแบบนี้ ยากครับ ที่จะมั่นคง ขอย้ำ ว่าโดยส่วนตัวนะครับ

แล้วถ้ามีทางเลือกให้คุณ โดยที่คุณไม่ตองทำอะไร เหมือนอย่างสองข้อนี้หละครับ คุณสนใจไหม ถ้าสนใจ คลิ๊กลิงค์ ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

http://www.999billion.com